ต้นเดือนมกราคม 2558 ปีเริ่มแห่งการเปิดแดนโลกธาตุเพื่อมวลมนุษยชาติ
และสัตว์ทั้งหลาย
ณ บัดนี้เกล้ากระผม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีความปราถนาอันแรงกล้าในพุทธภูมิเพื่อช่วยเหลือเหล่ามวลมนุษย์และสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายมาในภพภูมิแต่กาลก่อน ปัจจุบันได้พิจารณามองเห็นว่าอีกไม่นาน จักเกิดภัยพิบัติแก่มวลมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย และหากการบำเพ็ญบุญบารมีเพียงพอและเมื่อถึงเวลาแล้ว เกล้าจักได้เข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือท่านทั้งหลายกับท่านพุทธภูมิให้พ้นจากภัยพิบัติดังกล่าว แต่บัดนี้ถึงเวลาแล้วแห่งการเปิดโลกธาตุทุกๆแดนของเกล้า และเห็นว่าเส้นทางแห่งพุทธภูมิของของกล้ายังอีกยาวนานและองค์ศาสดาพระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้นภัทรกัปนี้ได้พยากรณ์กล้าแล้วว่าขณะนี้ยังไม่ถึงกาลเวลาที่รองรับการพยากรณ์เกี่ยวกับพุทธภูมิ เกล้าจึงตัดสินใจตั้งจิตขอละจากความปราถนาพุทธภูมิ เพื่อเป็นสาวกขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า นับแต่ต่อนี้ไปด้วยเถิด เพื่อทำให้แจ้งในพระนิพพานในที่สุดของชาติภพนี้ เกล้าผู้ได้ศึกษาจิตวิญญาณค้นคว้ามายาวนานต่อเนื่องและจะเป็นส่วนหนึ่งในการสงเคราะห์ท่านทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยากที่มีกรรมผูกพันธ์กับเกล้า และกรรมที่พอจะแก้ไขได้ นับแต่ต่อนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
หากจะนำประสบการณ์ เรื่องเล่าการปฏิบัติสมาธิเส้นทางการบำเพ็ญภาวนา การสัมผัสโลกทิพย์ภพภูมิทิพย์ ความลึกลับแห่งตำนานภพภูมิ ในดินแดนภูกูเวียนหรือภูพานในปัจจุบัน มาเพื่อพิจารณาให้ผู้สนใจศึกษาและเพื่อเป็นความบันเทิงในทางธรรม ในยุคปัจจุบันเพื่อไว้สำหรับผู้มีบุญวาสนาเส้นทางธรรมอันยาวไกล ไว้ทัสนา...
ขออนุโมทนา
นาราวินท์ จักรพรรดิ์
ม.ค.2558
รอยประทับนั่ง ๔ พระองค์ ถ้ำเสี่ยงของ ต.หลุบเลา อ.ภูพาน จ.สกลนคร
ขอนมัสการน้อมกราบ รอยประทับนั่งองค์ศาสดา 4 พระองค์ ในภัทรกัปนี้
อดีตกาล..ที่จินตนาการ ลักษณะร่องรอยประหลาดเป็นหลุมเกลี้ยงเกลาเหมือนขัดด้วยหินเจียรไนละเอียดอย่างดี มันละเลื่อม มีหลายหลุมร่องลึกประมาณ 1-5 ซม. ไม่น่าจะตั้งอยู่ตามที่เห็นปัจจุบันนี่แน่ ต้องมีบางอย่าง การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา เมื่อหลายล้าน แสน หมื่น พันปีก่อน จุดนี้แต่ก่อนอยุ่บนเขาข้างบนเป็นเนินเขาก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา แผ่นดินเคลื่อนยุบตัว บางแห่งดันขึ้นพอดีเกิดรอยแยกตรงรอย เหล่าเทพผู้ดูแลได้เคลื่อนย้ายหลบเข้าซ่อนไว้ใต้หน้าผา มองเห็นว่าเหตุแห่งอนาคตกาลข้างหน้า (จิตย้อนภพ...โปรดใช้วิจารณาญาณเป็นความรู้ใหม่ๆก็ได้ ส่วนรอยประทับนั่งของจริง สันนิฐานก็พอว่าเป็นไปได้ไหม)
พบแก้วเสด็จ ตามตำนาน
แก้วเสด็จ จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้ดูแลอุปฐากวัดถ้ำเสี่ยงของ ซึ่งมีบ้านอยู่ ณ บ้านหลุบเลา อำเภอภูพาน ใกล้ๆกับวัดเล่าให้ฟังว่าเมื่อยี่สิบก่อนถอยลงไป จะเห็นแก้วลอยเสด็จไปมาระหว่างเขาเห็นเป็นประจำเป็นเรื่องปกติของคนแถบนี้ แก้วมีลักษณะทรงกลมลูกเท่าส้มโอก็มี ส้มเขียวหวานก็มี เวลาเสด็จจะมีแสงนวลจ้าสีน้ำเงินหรือ สีขาว สว่างมากรัศมีประมาณ 50 เมตร บางทีก็ลอยกันมาทีละหลายดวงก็มีเคยเห็นลอยในระดับต่ำจนถึงปลายยอดไม้ถ้าหากเดินเข้าใกล้จะคว้าจับ บางครั้งจะหล่นลงพื้นหายเข้าไปในซอกหินหรือดับทันที บางครั้งก็ลอยห่างออกไป เหมือนมีชีวิต ส่วนมากจะเป็นวันพระ และเคยเห็นมาด้วยตนเองแต่ยี่สิบปีมานี้ไม่ค่อยปรากฏ นานๆทีจึงจะเห็น และส่วนมากจะเห็นได้เฉพาะผู้ปฏิบัติธรรม เวลากลางคืนไม่จำกัดเวลา บางทีก็ 1-2 ทุ่ม บางทีก็หกทุ่ม
วันนั้นได้พบกับหลวงปู่องค์หนึ่ง และมีโอกาสได้สนทนากับท่านเรื่องการปฏิบัติจิต กรรมฐาน เหมือนกับได้คุ้นเคยกันมาก่อน ท่านเล่าให้ฟังว่าหลังจากอยู่ที่ถ้ำเสี่ยงของ ท่านได้ทราบว่าแก้วที่เคยเสด็จมานั้นปัจจุบัน ได้ย้ายหนีไปอยู่ทางภูน้ำหยาด ในเขตตำบลกกปลาซิว อ.ภูพาน ภูผายล หากมองจากจุดนี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในเทีอกเขาอีกหลายลูกไม่ไกลมากพอมองเห็นอยู่ลิบๆ เดี่ยวจะตามไปดูให้เป็นบุญซักหน่อย อะไรหนอที่เป็นต้นเหตุที่แก้วตามตำนานต้องย้ายไป ไม่เหมือนเมื่อก่อนไม่เห็นความลึกลับแห่งภพภูมิเมืองโบราณ หรือว่า ความเสื่อม ความวุ่นวายของคนนี่หรือ การติดตามล่าสมบัติของนักล่าสมบัติโบราณ ป่าถูกโค่นโดยเฉพาะไม้หวงห้ามเช่น พะยูง ที่พึ่งจะหมดไปจากไปภูพาน 2-3 ปีนี่เอง การบุกรุกอย่างไม่หยุดยั้งของนายทุนกับการปลูกยางพารา ไม่เหมือนเมื่อก่อนยี่สิบก่อนเขตตำบลหลุบเลา ตำบลสร้างค้อ อำเภอภูพาน(เดิมเป็นอำเภอกุดบาก ได้แยกออกมาตั้งอำเภอ) เป็นป่าหนาทึบด้วยต้นไม้ใหญ่ๆ ทางเข้ามาที่วัดก็หนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมจำได้ว่าเคยขี่มอเตอไซด์ผ่านมากับเพื่อนครั้งหนึ่งเหมือนเข้าไปในดงป่าผีดิบ ขนาดกลางวันยังขนลุกเลย ขณะนั้่นปี 2536 ของวัดถ้ำเสี่ยงของ ภาพเหมือนในความฝัน ยังจำได้ติดตามาจนปัจจุบัน มาบัดนี้คงไม่มีวันได้เห็นสภาพป่าคืนมาให้เห็นอีกแล้ว...
ขออนุโมทนา
นาราวินท์ จักรพรรดิ์
ม.ค.2558
ตำนานเรื่องเล่า ประสบการณ์แก้วเสด็จ ถ้ำเสี่ยงของ
แก้วมนีโชติในตำนานมีจริงหรือ
ขอนมัสการน้อมกราบ รอยประทับนั่งองค์ศาสดา 4 พระองค์ ในภัทรกัปนี้
วัดถ้ำเสี่ยงของ ที่รอยแก้วเสด็จ อ.ภูพาน สกลนคร |
ทางเดินลงด้านหลังวัดถ้ำเสี่ยงของ ด้านทิศตะวันออกของวด
ซึ่งต้องเดินลงเลียบไต่หน้าผาสูงชัน
มีทางสำหรับเดินจงกลม กฏีชั่วคราวริมหน้าผา หากพลั้งเผลอมีโอกาสล่วงลงเบี้องล่างได้ทุกเมื่อ กลางคืนมีแต่แสงไฟ
จากข้อมูลครูบาอาจารย์ และญาติที่มาทำบุญที่วัด บอกว่าเป็นรอยของแก้วหลายดวงที่เสด็จ มาเล่นเวลากลางคืนโดยกลิ้งไปมาจนเรียบและลื่นเป็นมัน หรือว่าแก้วมนีโชติในตำนานมีจริงหรือนี่ แต่มีสีขาว ส่วนผมก็สงสัยเหมือนกันครับว่าอาจมีนักแสวงโชคเอาแป้งมาลูบๆ เหมือนไปลูบต้นไม้มองหาเลขเด็ดก็ได้
หรือว่าเป็นรอยประทับทรงนั่งของพระพุทธองค์ในภัทรกัปนี้ ที่ผ่านมาแล้ว 4 พระองค์ แต่ก็สงสัยว่ามาอยู่หน้าผาได้อย่างไร หรือมีคนโบราณสร้างขึ้นอะไรสักอย่าง ในวันที่ไปถ้ำเสี่ยงของได้พบหลวงปู่รูปหนึ่งมาจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งท่านบอกว่าอยากจะมานั่งวิปัสสนหาความสงบ และอยากจะพิสูจน์ตามเสียงร่ำลือว่าทุกวันพระ ตรงนี้จะมีแก้วเสด็จมาซึ่งลอยมาจากเขาอีกลูกด้านทิศตะวันออก และลอยกันไปมาจึงอยากจะมาชมบารมี แต่ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้เห็นแล้ว ท่านว่าพึ่งมาถึงและจะได้นั่งทางในดูเดี๋ยวก็คงทราบกันว่ามีความเป็นมาอย่างไร อดีตกาล..ที่จินตนาการ ลักษณะร่องรอยประหลาดเป็นหลุมเกลี้ยงเกลาเหมือนขัดด้วยหินเจียรไนละเอียดอย่างดี มันละเลื่อม มีหลายหลุมร่องลึกประมาณ 1-5 ซม. ไม่น่าจะตั้งอยู่ตามที่เห็นปัจจุบันนี่แน่ ต้องมีบางอย่าง การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา เมื่อหลายล้าน แสน หมื่น พันปีก่อน จุดนี้แต่ก่อนอยุ่บนเขาข้างบนเป็นเนินเขาก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา แผ่นดินเคลื่อนยุบตัว บางแห่งดันขึ้นพอดีเกิดรอยแยกตรงรอย เหล่าเทพผู้ดูแลได้เคลื่อนย้ายหลบเข้าซ่อนไว้ใต้หน้าผา มองเห็นว่าเหตุแห่งอนาคตกาลข้างหน้า (จิตย้อนภพ...โปรดใช้วิจารณาญาณเป็นความรู้ใหม่ๆก็ได้ ส่วนรอยประทับนั่งของจริง สันนิฐานก็พอว่าเป็นไปได้ไหม)
พบแก้วเสด็จ ตามตำนาน
แก้วเสด็จ จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้ดูแลอุปฐากวัดถ้ำเสี่ยงของ ซึ่งมีบ้านอยู่ ณ บ้านหลุบเลา อำเภอภูพาน ใกล้ๆกับวัดเล่าให้ฟังว่าเมื่อยี่สิบก่อนถอยลงไป จะเห็นแก้วลอยเสด็จไปมาระหว่างเขาเห็นเป็นประจำเป็นเรื่องปกติของคนแถบนี้ แก้วมีลักษณะทรงกลมลูกเท่าส้มโอก็มี ส้มเขียวหวานก็มี เวลาเสด็จจะมีแสงนวลจ้าสีน้ำเงินหรือ สีขาว สว่างมากรัศมีประมาณ 50 เมตร บางทีก็ลอยกันมาทีละหลายดวงก็มีเคยเห็นลอยในระดับต่ำจนถึงปลายยอดไม้ถ้าหากเดินเข้าใกล้จะคว้าจับ บางครั้งจะหล่นลงพื้นหายเข้าไปในซอกหินหรือดับทันที บางครั้งก็ลอยห่างออกไป เหมือนมีชีวิต ส่วนมากจะเป็นวันพระ และเคยเห็นมาด้วยตนเองแต่ยี่สิบปีมานี้ไม่ค่อยปรากฏ นานๆทีจึงจะเห็น และส่วนมากจะเห็นได้เฉพาะผู้ปฏิบัติธรรม เวลากลางคืนไม่จำกัดเวลา บางทีก็ 1-2 ทุ่ม บางทีก็หกทุ่ม
วันนั้นได้พบกับหลวงปู่องค์หนึ่ง และมีโอกาสได้สนทนากับท่านเรื่องการปฏิบัติจิต กรรมฐาน เหมือนกับได้คุ้นเคยกันมาก่อน ท่านเล่าให้ฟังว่าหลังจากอยู่ที่ถ้ำเสี่ยงของ ท่านได้ทราบว่าแก้วที่เคยเสด็จมานั้นปัจจุบัน ได้ย้ายหนีไปอยู่ทางภูน้ำหยาด ในเขตตำบลกกปลาซิว อ.ภูพาน ภูผายล หากมองจากจุดนี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในเทีอกเขาอีกหลายลูกไม่ไกลมากพอมองเห็นอยู่ลิบๆ เดี่ยวจะตามไปดูให้เป็นบุญซักหน่อย อะไรหนอที่เป็นต้นเหตุที่แก้วตามตำนานต้องย้ายไป ไม่เหมือนเมื่อก่อนไม่เห็นความลึกลับแห่งภพภูมิเมืองโบราณ หรือว่า ความเสื่อม ความวุ่นวายของคนนี่หรือ การติดตามล่าสมบัติของนักล่าสมบัติโบราณ ป่าถูกโค่นโดยเฉพาะไม้หวงห้ามเช่น พะยูง ที่พึ่งจะหมดไปจากไปภูพาน 2-3 ปีนี่เอง การบุกรุกอย่างไม่หยุดยั้งของนายทุนกับการปลูกยางพารา ไม่เหมือนเมื่อก่อนยี่สิบก่อนเขตตำบลหลุบเลา ตำบลสร้างค้อ อำเภอภูพาน(เดิมเป็นอำเภอกุดบาก ได้แยกออกมาตั้งอำเภอ) เป็นป่าหนาทึบด้วยต้นไม้ใหญ่ๆ ทางเข้ามาที่วัดก็หนาแน่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผมจำได้ว่าเคยขี่มอเตอไซด์ผ่านมากับเพื่อนครั้งหนึ่งเหมือนเข้าไปในดงป่าผีดิบ ขนาดกลางวันยังขนลุกเลย ขณะนั้่นปี 2536 ของวัดถ้ำเสี่ยงของ ภาพเหมือนในความฝัน ยังจำได้ติดตามาจนปัจจุบัน มาบัดนี้คงไม่มีวันได้เห็นสภาพป่าคืนมาให้เห็นอีกแล้ว...
ธรรมชาติ กับ ความสงบ ยังพอมีอยู่ พื้นที่บางส่วนถูกรุกล้ำไปพอสมควร ล้วนเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูลและความรู้ที่เป็นประโยชน์ สำหรับผู้สนใจอ่านทุกท่าน
ตอบลบหากกาลเวลาความพร้อม ว่างเว้นจากภาระหน้าที่จะเริ่มลงเรื่องราวต่อไป รอติดตามกันนะครับ
ตอบลบเคยไปนอนพักที่นั่นกับหลวงปู่ ที่บ้านติดตามหลวงปู่ไปจำพรรษา ตอนนั้นมีแค่โบสถ์และศาลาไม้เตี้ยๆอยู่ด้านบน เดินลงไปชะง่อนหิน หลอดไฟเสียหลวงปู่ยังให้พี่สาวเราซึ่งเป็นหลานได้ปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟให้แสงสว่าง ตอนนั้นเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ภาพจำยังติดตากับรอยหลุมที่เหมือนใครเอาขี้ผึ้งมาขัดเงาสวยงามมาก หลวงปู่ให้ลองเอามือลูบดู นุ่มละอียดมือมาก ไม่ใช่ภาพหยาบๆเหมือนตอนนี้ค่ะ หลวงปู่ก็เล่าเรื่องแก้วเสด็จมาบริเวณนี้ ตอนนั้นป่าอุดมสมบูรณ์มาก มีต้นส้มโอที่สามารถเก็บกินได้ แค่พอหายอยาก ไม่เก็บออกมา กลางคืนหลวงปู่ไปนั่งสมาธิที่ชะง่อนผา แต่เรากับย่าต้องมานอนที่ศาลาไม้ด้านบน.....ขอบคุณผู้เขียนนะคะที่ทำให้คิดถึงความทรงจำวัยเด็กที่ประทับใจ
ตอบลบขอบคุณครับ ที่ได้เข้าไปอ่านบทความที่ผมได้เคยเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากมีงานการต่อเนื่องไม่ได้เข้าไปเพิ่มบทเรื่องราวอีกหลายเรื่องและประสบการณ์ทางธรรม ที่เหนือธรรมชาติภพภูมิอันลี้ลับ ของแดนภูพานยังคงลึกลับมีมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง แม้ในปัจจุบันยังมีให้เห็นอยู่สม่ำเสมอครับ ผมยังค้างเรื่องไว้อีกหลายเรื่องที่ประสบมากับตนเอง อีกสักครู่จะได้นำมาเผยแพร่กันต่อไปครับ
ตอบลบ